Kansai Trip 2019 – ตลาดนัดวัดโทจิ เกียวโต


ตอนที่ 2 เที่ยวตลาดนัดวัดโทจิ เกียวโต ล้มละลาย ใจสั่น!
พี่แขกเคยอัพรูปตลาดนัดที่เกียวโต ก็เลยลองถามก่อนมาว่ามีเมื่อไรยังไงบ้าง
ซึ่งตลาดนัดที่เกียวโตจะมีเดือนละ 3 แห่ง คือ
1. ตลาดนัดเทซึคุริ-อิจิ วัดเฮียคุมันเบ็น ชิออน-จิ ทุกวันที่ 15 ของเดือน (**ขายเฉพาะงานฝีมือ)
2. ตลาดนัดโคโบ-อิจิ วัดโทจิ โคโบ-อิจิ ทุกวันที่ 21 ของเดือน
3. ตลาดนัดเท็นจิน-อิจิ ศาลเจ้าคิตาโนะ เท็นมันกุ ทุกวันที่ 25 ของเดือน

รู้แบบนี้ก็กรี๊ดเลย ช่วงเวลาพอปรับแผนได้ ก็เลยเดินทางวันที่ 20 เพื่อจะไปตลาดนัดวันที่ 21
อันนี้ถือเป็น mission kansai อย่างนึงเลยล่ะ เพราะว่าชอบตลาดนัดของเก่า + ของญีปุ่น
มากถึงมากที่สุด จะพลาดได้ไง
นัดพี่แขกเจอ 10.30 พร้อมเดินทาง นั่งรถไฟมาไม่นานก็ถึง วัดโทจิ ลงสถานี Toji Station
เดินข้ามถนนนิดนึงก็เจอพลังมวลชน คนสูงวัยซะส่วนใหญ่ ก็เป็นตลาดนัดของกินของใช้มือสองอะเนอะ
พาชมบรรยากาศที่ Live ใน facebook ก่อนจ้า อาจจะมึนๆหน่อย
ไอ้เราก็ตื่นเต้นกรี๊ดกร๊าด  ขอบคุณไกด์พี่แขก เลคเชอร์ได้เพลินมาก

toji

มาดูรูปกันบ้าง รัวๆกันเลย

kk17

kk20

kk21

kk41

kk39

เดินเที่ยวประมาณชั่วโมงกว่า เพลินมากจริงๆ เราได้ของไม่เยอะเท่าที่คิดเพราะว่าแพงมากๆ ได้แต่ดู ที่ได้มาก็เป็นพวกโปสการ์ด กับเศษผ้ากิโมโน เอามาทำงานประดิษฐ์ พี่แขกได้ปฏิทิน

แวะกินข้าวเที่ยงกันก่อนแยกย้าย เพราะพี่แขกต้องเข้าไปที่คณะ แล้วเราก็จะไปเดินเที่ยวที่อื่นต่อ
ข้าวหน้าเนื้อ ร้าน Matsuya  (อร่อยๆ)
RZUR7312

————– แยกย้ายกับพี่แขก แล้วจะไปไหนต่อดี?? จะไปเดินย่านเมืองเก่า ดูพระอาทิตย์ตก
หรือว่าไปเดินเล่นแถวแม่น้ำคาโมะตอนเย็น  แต่ว่าพระอาทิตย์ตกเร็ว น่าจะไปเมืองเก่าไม่ทันละ
ก็เลยไป Nishiki Market กับ เดินเล่นชิวๆ ริมแม่น้ำคาโมะ ดูใบไม้เปลี่ยนสีริมน้ำด้วย

ตลาด Nishiki Market

kk44kk45kk47kk50kk51kk52kk53kk55

ตลาดนี้คนเยอะมาก ทั้งคนเกียวโตและนักท่องเที่ยว มีของกินของฝากมากมาย ร้านก็น่ารักๆทั้งนั้นเลย
เดินเพลิน ซึ่งตอนนี้ก็โคตรจะเมื่อยแล้ว อีกไกลเหมือนกันกว่าจะถึงริมน้ำคาโมะ
คงต้องนั่งรถเมล์แล้วแหล่ะ
การขึ้นรถเมล์ ก็เดาเอาล้วนๆ จริงๆคงมีแอปบอก แต่พอดีว่า เราดู google maps ว่าจุดที่จะไปคือ ตรงไปอย่างเดียว แล้วก็ยืนมองตามรถเมล์ไปก่อนว่าคันไหนตรง คันไหนเลี้ยว จริงๆ google map ก็บอกสายรถเมล์ที่ผ่านอยู่เหมือนกัน  พอตอนขึ้นก็แตะบัตร icoca ได้เลย ก็จะหักตังค์จากบัตรไป สบายๆ

แล้วก็มาถึงริมแม่น้ำคาโมะจนได้ บรรยากาศยามเย็นดีมากๆ อากาศก็ดี ต้นไม้ก็สวย รักเกียวโตจัง

EQFZ4365

QSIS3395

นั่งเล่น ถ่ายรูปเล่นจนค่ำก็หิวอีกแล้ว ย่านนั้นก็ของกินเยอะ ลองเดินๆหาแบบไม่ตามรีวิว มาเจอร้านนี้
เลยสั่งเซตโอเด้ง เดินมาหนาวๆ ได้กินอาหารอุ่นๆ รสละมุน มันดีต่อใจ ดีต่อกระเพาะมากมาย

kk70-7

kk70

kk70-6

กินเสร็จก็เดินเล่นต่ออีกหน่อย เจอร้านดอกไม้น่ารักมากๆ

อากาศหนาวมากละ กลับที่พักดีกว่า ไปนั่งทำงาน / แต่งรูป / อัพรูปต่อ
หมดไปอีกหนึ่งวัน สนุกมากเลย
พรุ่งนี้จะไปเดินเล่นถ่ายรูปที่ Kyoto Botanical Garden จ้า

 

 

Kansai 2019


Kansai 2019 ( ขับรถเที่ยววากายามะ และชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เกียวโต) เป็นทริปที่เราขอแปะไปแจมกับพี่ๆ แต่ต้องไปก่อนกับก่อนเพราะอยู่ยาวตลอดทริปไม่ได้ ต้องเปิดร้าน ^^’
สมาชิกมีทั้งหมด 6 คน (พี่นุช พี่จิ๊บ พี่ท็อป โบ พี่นน ฟิล์ม) พี่นุชเป็นผู้จัดการทริปเช่นเคย วางแผน
รูทการเดินทาง จัดตาราง และแบ่งการบ้านให้สมาชิกไปช่วยหาข้อมูล เราได้ช่วยเยอะหน่อย
ในส่วนของ wakayama (แต่จริงๆก็แอบเหมือนด้นสดเอาอะนะ ฮ่าๆ)

การเตรียมตัวก่อนไป
– พี่นุชจองที่พัก ซื้อพาสต่างๆ จองรถ
– สมาชิกทำการบ้านที่เที่ยว ดูเส้นทางขับรถ ดูรายละเอียดของที่เที่ยวเช่นค่าเข้า,เวลาเปิดปิด
– พี่นนไปทำใบขับขี่รถยนต์ _โชเฟอร์หนึ่งเดียวตลอดทริป 🙂

หลังจากวางแผนกันมาตั้งแต่ต้นๆปี (แต่มาทำจริงๆ 1 เดือนก่อนเที่ยว ฮ่าๆ) แล้ววันเดินทาง
ก็มาถึง….พฤศจิกายน 2019 เป็นช่วงเวลาดีๆที่ได้ไปทริปชมใบไม้เปลี่ยนสี
เที่ยวแถบคันไซ (Kansai)ประเทศญี่ปุ่น ไปกันเลย…

ฉายเดี่ยวก่อน 3 วัน
เนื่องจากเราหยุดวันธรรมดา เลยมีเวลาไปเที่ยวก่อน รอสมาชิกตามมาสมทบทีหลัง
ออกเดินทางโดย Air Asia เดินทางคืนวันเกิดพอดีเลย 19 พ.ย. (จริงๆ 01.15 ของวันที่20)
เดินทางไป ตปท. คนเดียวครั้งแรกเลย ก็ตื่นเต้นหน่อยๆ เหงาอยู่เหมือนกัน
ไม่ได้คุยกะใครเลยหลับๆตื่นๆ จนถึงสนามบินคันไซ ก็ไปซื้อตั๋วรถไฟ haruka+icoca card
ได้บัตรลายคิตตี้ด้วยล่ะ จากนั้นก็รอเวลารถไฟมา แล้วก็นั่งจากสนามบิน ไปลงที่ Kyoto Station

** สำหรับอินเตอร์เน็ต เราซื้อแพคเกจของ AIS เพิ่มมา เลยไม่ต้องเปลี่ยนซิมอะไร
ก็ใช้ได้เลยปกติประหยัดกว่า Air Card เยอะเลย

นั่งดูวิวสองข้างทางเพลินๆ พักใหญ่ๆก็มา Kyoto Station รีบเปิด Google Map หาว่าต้องเดินไปทางไหน ตอนจองที่พักก็ว่าดูเหมือนไม่ไกลมาก ประมาณ 800 ม.  ระหว่างเดินหาทางออกจากสถานี ก็แวะซื้อข้าวกล่องรถไฟที่เค้าทำขายอยู่ในสถานี ราคาก็ไม่แพงมาก ตอนนั้นยังไม่มีที่กิน ก็เลยถือไว้ก่อน ค่อยไปกินที่โฮสเทล

จองที่พักไว้ชื่อ we based hostel Kyoto ต้องเดินออกทาง kyoto station พร้อมเป้แบคแพคใบใหญ่ กระเป๋าลากใบเล็ก กระเป๋ากล้อง+ขาตั้งกล้อง และกระเป๋าสะพาย คุณพระ!!  ข้าวของอิชั้นทำไมมันอีรุงตุงนังขนาดนี้ แต่ก็มาแล้วอะนะ สัมภาระทั้งหมดที่ต้องแบกสิบกว่าโลได้ แง๊ ต้องเดินหาโฮสเทลอีก
เดินมาได้แปปนึงผ่านปราสาทเก่าที่นึง โอ๊ย เจอแล้ว ต้นไม้ใบไม้เปลี่ยนสี
ขนาดแค่กรุบกริบยังตื่นเต้นvdo call อวดพี่นน บิ้วๆ รีบๆตามมา ฮ่าๆ (ขณะนั้นสภาพการเดินทางเริ่มอิดโรย ข้าวก็ยังไม่ได้กิน)

SS_005160

*จากรูป ลูกศรแดงคือเดินออกมาเพื่อจะไปที่พัก ผ่านห้าง yodobashi เล็งไว้และเดี๋ยวกลับมาเดิน

เดินตาม map มาเรื่อยๆ โอ๊ยทำไมมันช่างยากเย็น งงแล้วงงอีก ซอยเหมือนกันหมด เลี้ยวถูกมั๊ย ยังไง
มาคนเดียวไม่สนุกตรงนี้แหละ ไม่รู้จะตัดสินใจยังไง ฮือออ

ในขณะที่สภาพย่ำแย่แล้ว ก็ถึงพอดียังไม่ถึงเวลาเช็คอินด้วยจ้า ทำอะไรไม่ได้ ถาม staff ว่า
อิป้าขออาบน้ำได้มั๊ย เดินทางมาทั้งคืน เดินมาก็เหงื่อโทรมกาย staff ถามว่าเพิ่งถึงหรอ
เราบอก เยสสสส นางบอก ไม่แปลกใจดูรู้อยู่ 555 เราก็อาบน้ำได้แต่ว่าต้องเสียตังค์เพิ่ม
OMG ไม่ปราณีเลยหรา ก็ได้ๆ จ่ายๆไปจบๆ ห้องน้ำรวมอยู่ชั้นได้ติน เดินแบกของลงไป
แถมหาห้องน้ำไม่เจอ เปิดเข้าไปห้องนอนใครก็ไม่รู้ ดีนะไม่มีคนอยู่ บร้าชริง!

อาบน้ำสบายอุรา ได้เวลากินข้าวกล่องที่ซื้อมาแล้ว ขอเข้าไปนั่งใน lobby ส่วนกลาง
ดริปกาแฟที่พกมา o_O’  (แกจะเอามาทุกอย่างเหมือนอยู่บ้านไม่ได้นะ … แต่ก็เอามาแล้วแหล่ะ )
ข้าวมือนี้สวรรค์มากเลยทีเดียว หน้าตาก็เป็นเยี่ยงนี้ล่ะ (จำราคาไม่ได้ละ)

อิ่มหนำสำราญ ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงเลยกว่าจะเช็คอินได้ ก็เลยออกไปเดินเล่นและไปเดินห้างใกล้ๆ kyoto station ซะหน่อย  เพราะกระเป๋าสะพายใส่ของส่วนตัวก็ดันเก่าแล้วพังอีก ถามพี่แขก พี่แขกว่าให้ลองไปดูที่ yodobashi ตอนเดินไปตามซอยต่างๆ บ้านเมืองเค้ายังน่ารักเหมือนเดิม ไม่มีรถ มีแต่คนเดินกับจักรยาน เพราะรถต้องวิ่งถนนใหญ่ อาจจะมีรถเล็กๆขับเข้ามาบ้านในซอย  บรรยากาศเงียบสงบมาก เดินดูบ้าน ร้านค้าไปชิวๆ (แต่ก็เมื่อยมากละตอนนั้น)

มื้อบ่ายแก่ๆ เริ่มหิว เดินๆวนดูในห้าง เจอร้านนึงน่ากินมาก เสริฟมาอย่างถูกใจในความจานเล็กจานน้อย
พอกินไปคำแรก ฮือออ อะโหร่ยยยย น้ำตาจะไหล (หรือหิวมากกันนะ) อร่อยเจงๆ ฟิน

 

เดินเล่น ช็อปปิ้งเครื่องเขียน สติ๊กเกอร์ โปสการ์ดจนเพลิน ก็หอบสังขารกลับมาเช็คอินประมาณหนึ่งทุ่ม เพราะเดี๋ยวพี่แขกมาพาไปกินร้านอาหารแนวอิซากายะ ที่พี่แขกชอบพาเพื่อนๆจากไทยไป
ในส่วนของห้องพัก เป็นห้องรวมใหญ่มาก มีหลายเตียง มีโซนเก็บ & ล็อคกระเป๋าข้างหน้า
จัดของนิดหน่อย แล้วลงมารอพี่แขกที่ล็อบบี้

บรรยากาศที่พัก

พี่แขกพาเดินไปร้านแนวอิซากายะ เป็นร้านขายอาหารแนวกับแกล้ม คนออฟฟิศเลิกงานมากินข้าวดื่มเบียร์ เม้ามอย นินทา ปรับทุกข์ ฯลฯ บรรยากาศก็จะคึกคักๆ แต่เหม็นบุหรี่หน่อยเพราะเค้าไม่ได้ห้ามสูบบุหรี่
สั่งเมนู ยำแตงกวา กับเนื้อตุ๋นบุก อร่อยดี น่าลองไปทำกินที่ไทย ดูบรรยากาศที่ Live Facebook กัน

นั่งซักพักก็เริ่มง่วง + เหนื่อยจากการเดินทาง และเดินเล่นทั้งวัน ก็เลยกลับดีกว่า

พอถึงที่พัก ก็ดึกแล้ว คนอื่นหลับกันหมดเลยไม่กล้าทำอะไรเสียงดัง ก็เลยเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าแปรงฟันแล้วเตรียมนอน เพราะวันรุ่งขึ้นนัดพี่แขกให้พาไปเดินตลาดนัด

ตอนต่อไป พาเที่ยวตลาดนัดที่เกียวโตจ้า

 

How do I live without you?


อันที่จริงคำถามนี้ไม่ใช่คำถามชวนเศร้าโศกที่ถามตัวเอง
เพราะยังไงก็ต้องอยู่ต่ออยู่แล้วแหล่ะ เอาไว้ค่อยเจอกันเมื่อถึงเวลา
ตามความเป็นไปของคนเนาะ 🙂

เพียงแต่ว่า เวลา 10 ปีที่เรากลายเป็นคนที่สนิทรู้ใจกันมากที่สุด
เมื่อคนๆนึงข้างกายหายไป  10ปีมันก็ลืมไปแล้วว่าก่อนที่เธอเข้ามา
เราอยู่แบบไหน ทำอะไร คิดอะไร อีกอย่าง เมื่อมีเธอเข้ามาในชีวิต
ชีวิตมันก็เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งกิจกรรมที่ทำ ความชอบต่างๆ ความคิด
หรือกลุ่มเพื่อนสนิท และ ฉันชอบที่จะอยู่แบบในโลกของเธอนะ

ตอนนี้กำลังรื้อฟื้นความทรงจำ 10 ปีก่อน เพราะเมื่อก่อน
เราก็แฮปปี้ในแบบคนโสดอายุ 20กว่าๆ แต่ตอนนี้
กลับมาโสดอีกครั้งเมื่ออายุ 30กว่าๆ เพื่อนก็มีลูกกันไปหมดและ
หาเพื่อนสนิทที่จะชอบอะไรเหมือนกัน ไปไหนไปกัน มันก็คงยากแล้วอะ
ก็แอบใจหายนิดนึงตรงนี้ล่ะ >_<

เราชอบหาคำตอบให้ตัวเอง ในรูปแบบความคิดที่ตัวเองยอมรับและแฮปปี้
การยอมรับความจริง ก็ช่วยให้เราหาคำตอบได้ว่า
เพื่อนที่รู้ใจที่สุด คนที่เข้าใจเราที่สุด ก็คือตัวเราเอง
เราไม่ต้องไปหวังรอหาใคร ที่จะมาให้อะไรดีๆ ทำอะไรดีๆกับเรา
เราก็ให้อะไรดีๆกับตัวเองได้นี่  ไม่ต้องไปคาดหวังกับคนอื่นด้วย
ว่าเค้าจะมาสนใจเรามั๊ย ทำไมเค้าไม่มีเวลาให้เรา

ช่างแม่งค่ะ!  (ใจเย็นๆ ฮ่าๆ)

สรุปแล้ว… ชีวิตก็ต้องไปต่อ ในแบบที่ตัวเองเลือกเอง
ในแบบที่ทำแล้วมีความสุข สบายกาย สบายใจ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

รักนะ (ตัวฉัน)
และขอบคุณ (ตัวฉัน) ที่เข้มแข็งมากๆ

————— กลับมาอัพเดท โพสเดิม —————
ผ่านไปปีกว่าๆแล้ว ทุกอย่างโอเค  มีความคิดถึง นึกถึง คนสำคัญอีกหนึ่งที่ไม่ได้อยู่กับเราแล้วแค่นั้น
ความเสียใจ โศกเศร้าก็หายไปนานแล้วแหล่ะ  (ต้องชมตัวเองหน่อย)

ส่วนเรื่องหัวใจ เหลือโควต้าไว้ให้อีกแค่คนเดียวเท่านั้น ถ้ามันจะใช่ก็คงใช่ซักวัน (มั้ง)

 

วันที่เธอไม่อยู่


2 สิงหาคม 2561
วันที่เราต้องจากกันไปอยู่คนละมิติ
ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างที่ดูแลตลอดมา
ขอบคุณที่เป็นทุกอย่างตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
ต่อจากนี้ชีวิตก็ต้องไปต่อ แต่คงยากหน่อย

รักและคิดถึงตลอดไป

ทริป คุณหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า-2


ตอน 2  ลี่เจียงที่รัก
ทริป คุณหมิง ลี่เจียง แชงกรีล่า
Plan Trip :  BKK -> Kunmin (Airplane) -> Lijiang (Train) ->Shangri-la(Bus)
Lijiang -> Kunming ->BKK
ทริปนี้ไปมาเมื่อหลังปีใหม่ 2560     5-12 ม.ค. 2560 (กว่าจะมาบันทึกได้ ก็เกือบปีพอดี อิอิ)
ตั๋วเครื่องบิน Airasia กรุงเทพ-คุณหมิง ออกเดินทางจากดอนเมือง 9 โมงเช้า ถึงคุณหมิง 12.30 น.
เวลาที่จีนเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง

ความเดิมตอนที่แล้วเราเดินทาง จากกรุงเทพ มาคุณหมิง และนั่งรถไฟต่อมาลี่เจียง
รถไฟใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง ก็มาถึงสถานีรถไฟลี่เจียง (Lijiang Railway Station)
เปิดแอป weather เช็คอากาศ คุณพระ  0 องศาจ้า หนาว เย็น ขนลุก แต่ชอบอะ ฟิน อิอิ
รูปนี้ตอนออกจากรถไฟ เดินลงไปข้างล่าง คนเยอะมากเลยแฮะ คนจีนก็มาเที่ยวกัน
17

ตอนนี้หกโมงกว่าๆ ยังมืดสนิทอยู่เลย พอเดินออกมาจากสถานีรถไฟก็ไม่รู้จะไปทางไหน
พี่บั๊มหาห้องน้ำเข้า แต่ก็ไม่ได้เข้า เพราะเจอทอง T_T  สกปรกมาก
ควรหลีกเลี่ยงห้องน้ำที่สาธารณะยืนงงๆ อยู่ก็มีพวกรถเช่าเดินเข้ามาถามว่าจะไปไหน
เราบอกไปเมืองเก่าลี่เจียง (ส่งที่อยู่โรงแรมให้ดู)
นางก็บอกว่าไปรถนางมั๊ย หารกับนักท่องเที่ยวคนอื่น เป็นรถตู้เล็กๆ นั่งได้ 5 ที่
เห็นว่าราคารับได้ ไม่แพง และเค้าจะไปส่งถึงที่เลย ก็เลยตกลงไปด้วย
คนขับแวะจอดส่งคนอื่นๆ จนมาถึงเรา เค้าจอดหน้าเมืองเก่าและชี้ๆให้เดินเข้าไป
เพราะรถเข้าไม่ได้  ตอนแรกก็นึกว่าถูกหลอกซะละ ไม่ได้ทำการบ้านมา
ว่าที่พักอยู่ในโซนเมืองเก่าพวกรถโดยสารต้องอยู่รอบนอก
มาถึงแล้วก็ยังมืด คงเช็คอินไม่ได้แน่ๆเจอร้าน KFC (ดีใจมาก) ก็เลยเข้าไปหาอะไรกินอุ่นๆ
เพราะตอนนี้หนาวมากๆ สั่งกาแฟร้อน เฟรนช์ฟราย และปาท่องโก๋ ฟินสุดๆ
18

นั่งเล่นซักพัก แดดก็เริ่มออกแล้ว  เห็นเมืองเก่าลี่เจียงเต็มตา  สวยมากๆ ชอบมากเลย ปลื้มมม
แต่พวกร้านค้ายังไม่ค่อยเปิด เพราะยังเช้าอยู่  เราก็เลยเปิดเน็ต ดูแผนที่ เดินไปโรงแรม

ถึงแล้วๆๆๆ เกือบหลง แต่ไม่หลง เพราะเป็นซอยเล็กซอยน้อย
ที่พักเราคือ Ancient Town International Youth Hostel แค่ด้านหน้าก็คลาสสิค
ค่าที่พัก 312 หยวน 4 คืน ( ตกคนละ 426 บ. / คืน)
ที่นี่เป็นห้องแบบ dorm (เตียง 2 ชั้น นอนหลายคนใน 1 ห้อง และแบบห้องปกติ
เราจองแบบห้องปกติ(ห้องน้ำในตัว) มีแผ่นที่นอนไฟฟ้า น้ำอุ่น   air / heater
ยืมไดร์เป่าผมได้ (มีค่ามัดจำกุญแจ)  แอบเสียอย่างนึงคือที่พักเป็นบ้านเก่า
ผนังเป็นไม้ มีรูเยอะไปหน่อย อากาศหนาวลอดเข้ามาได้ ต้องหาอะไรอุด ฮ่าๆ
หนาวเจี๊ยกเลย
19ด้านในโรงแรม พื้นที่ส่วนกลาง

022

เข้าที่พัก เก็บของ อาบน้ำ (เพราะไม่ได้อาบมา 2 วัน ฮ่าๆ) พักผ่อนนิดหน่อย ก็ออกไปเดินเล่น
และหาข้าวเช้า (มื้อสายๆ) กิน   แดดออกเต็มที่แล้ว ฟ้าสวยมากๆ อากาศดีสุด (12 องศา)

มุมมอง Ancient Town ด้านหน้า ขวามือเป็นหมู่บ้านบนเขา เดินเล่นได้ แต่ต้องมีตั๋วเข้า คนละ 80 หยวน
จ่ายครั้งเดียว แสดงตั๋วได้ตลอด  เนื่องจากเราพักในโซนเมืองเก่า ต้องเดินเข้าออกหลายครั้ง
ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตั๋วบริเวณด้านหน้า
24

วิวด้านหน้าเป็น Jade Dragon Snow Mountain สวย ยิ่งใหญ่ ตะลึงมากๆ
รูปถ่ายออกมาไม่เท่าตาเห็นเลยล่ะ

028ด้านหน้า จะมีโซนร้านอาหารที่ดูดีมากๆ ชื่อ Snack City คนขายใส่ชุดเชฟ
มีร้านอาหารต่างๆเต็มไปหมด ก็เลยฝากท้องมื้อแรกในนี้ละกัน
(มารู้ทีหลังว่าอาหารในนี้แพงกว่าร้าน Local ข้างนอกโซนเมืองเก่า)
เราเดินๆดูแต่ละร้าน อยากกินอะไรร้อนๆ มาจบที่ก๋วยเตี๋ยวชามยักษ์
สั่งไม่เป็นหรอก ชี้ๆเอา (วัดดวงล้วนๆ) ฮ่าๆ ได้ออกมาหน้าตาประมาณนี้
อร่อยดีเหมือนกัน ใส่ไข่ด้วย

ปะ  อิ่มแล้ว ไปเดินเที่ยวกัน ขึ้นภูเขาเลย 55 เป็นเมืองบ้านโบราณ อยู่ลดหลั่นขึ้นไปบนเขา
ดูรูปกันยาวๆเลย
รูปไฮไลท์ของลี่เจียง ก็ต้องถ่ายจากบนเขาลงมาข้างล่าง (เราพักด้านล่าง)
034

เดินชมนก ชมไม้ ดูบ้านเก่าไปเรื่อยๆ  สวยมาก เพลินมาก ได้เห็นวิถีชีวิตคนท้องถิ่นที่นี่บ้างเล็กๆ
เมืองเก่า แต่ก็ยังมีคนอาศัยอยู่ หลักๆคงเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวนี่แหล่ะ

รูปคู่ (ไม่มี) เพราะไปกันสองคน 555 ผลัดกันถ่าย เอามาวางคู่กันละกัน

เดินบนเขาพักใหญ่ๆ ก็วนๆแล้วก็ลงมาข้างล่าง ซึ่งก็เป็นหมู่บ้านเก่านั่นแหล่ะ แต่ตอนนี้
กลายเป็นร้านค้าหมดแล้ว จะมีลำธารไหลผ่าน  ซึ่งจริงๆมีปั๊มน้ำช่วยนะ กลางคืนก็ปิด

042043

ไปเมืองไหน ต้องมีเจ้าเหมียวนะ มาๆ ขอถ่ายหน่อย  แมวนอนอาบแดด  หนาวขนแตกเลยล่ะ อิอิ

เดินมาเจอการแสดงพื้นถิ่น เสื้อผ้าจัดเต็มมาก  น่าจะมีแสดงวันละหลายรอบอยู่มั้ง

ที่นี่ จะมีร้านขายกลองอยู่เยอะมาก แต่ละร้านก็จะมีสาวจีนน่ารักๆ ตีกลองประกอบเพลง
ดึงดูดให้คนเข้ามาซื้อกลอง รู้สึกว่าจะสอนตีให้ด้วย เท่าที่เห็นไม่ค่อยมีคนซื้อแฮะ
มีแต่ยกมือถือมาถ่ายรูปสาว  (ร้านนี้น่ารักมาก แนวเกาหลีเลย)
051

วันแรกก็รู้สึกสนุกที่ได้ยินเสียงเพลงนะ แต่พอวันหลังๆ หลอนมาก
เพลงยังติดหูอยู่เลย ลองฟังดู 555

ร้านขายชุดแฟชั่นกันหนาว มีหลายร้าน ราคาก็ไม่แพง
แต่ไม่รู้จะซื้อมาใส่ในเมืองไทยไหวมั๊ย ก็… ไม่ซื้อดีกว่า อิอิ

054

ในเมืองเก่านี้ จะมีโซนตรงกลางที่คนหนาแน่น แต่พอเดินออกไปเรื่อยๆ คนก็จะน้อยลง
และได้เห็นความสงบ สวยงาม เห็นวิถีชีวิตของคนที่นั่นด้วย
055

ใบไม้เปลี่ยนสี  สีสวยจัง ยืนมองอยู่นานเลย056

057

เดินจนเหนื่อย อยากพักแล้ว ซึ่งตอนนี้เดินไปเดินมาจนหลง หาทางออกจากซอยไม่เจอ
ก็เลยตั้งหลัก เดินออกมาตรงล้อกังหันที่อยู่ด้านหน้า แล้วค่อยเดินกลับที่พัก
บ่ายแล้วด้วย ไม่รู้จะกินอะไร ก็เลยซื้อมาม่าจีน มานั่งกินในที่พัก( ไม่อร่อย ฮือ คิดถึงมาม่าไทย)

058

หลังมื้อเที่ยง หนังท้องตึง หนังตาหย่อน และเมื่อคืนนอนบนรถไฟไม่เต็มอิ่ม (กลัวตกเตียง)
ก็เลยนอนพักเอาแรงซักหน่อย หลับๆตื่นๆ เพลินๆ อ้าว ห้าโมงเย็นละหรอ  ไป ออกไปเดินต่อ
ออกจากที่พักแล้วเดินไปอีกทางที่ไม่ซ้ำกับเมื่อเช้า เจอร้านกาแฟ (ซะที) ชื่อ Iris Cafe&Library
เค้ก กับ กาแฟ แพงมาก (แก้วละเกือบสองร้อยบาท) กาแฟก็พอได้ แต่เข็ดละ แพงไป๊

อิ่มกาแฟแล้ว ออกเดินต่อ คราวนี้มาเจอโซนร้าน ชิคๆ เก๋ๆ แนวดีไซน์
เจ้าของร้านเป็นคนรุ่นใหม่ กรี๊ดกร๊าดเลยล่ะ ถ่ายรูปเพลิน ได้แวะซื้อโปสการ์ดนิดหน่อย

โซนร้านรอบนอกนี้ เริ่มเป็นร้านแบบ local ร้านเล็กๆ ที่นั่งไม่เยอะ มีแนวข้าวแกง
แนวปิ้งย่าง แนวหม้อไฟ

ค่ำแล้ว หิวแล้วด้วยเนื่องจากมื้อเที่ยงกินไปแค่มาม่าคนละถ้วย  มื้อเย็นเลยตัดสินใจเข้าร้านปิ้งย่าง
แอบมองเข้าไป เห็นแล้วว่ามีผักเยอะ มีเต้าหู และมีคนนั่งอยู่ในร้านหลายโต๊ะ
เตาเป็นหิน (ราคาก็เสี่ยงเอา กะๆเอาจากราคาที่เขียนติดจานวัตถุดิบ )
ร้านปิ้งย่างที่นี่วิธีกินก็คล้ายๆกับร้านหม้อไฟ คือ ไปหยิบผัก หยิบเนื้อสัตว์ที่เสียบไม้
หรือเป็นจานๆที่อยู่ในตู้เย็น ปรุงน้ำจิ้มเอง มีซอสหลายแบบให้เลือก
แล้วเค้าจะมาคิดเงินทีหลัง มื้อนี้ราคา 88 หยวน

กินอิ่ม พลังกลับคืนมา ฮ่าๆ   ไปเดินเล่นต่อกันเลย ดู night life of Lijiang อัน
กลายเป็นว่า กลางคืนคึกคักมาก ที่นี่เหมือนเริ่มมีชีวิตตอนบ่ายๆนะ ร้านก็เปิดเต็มที่ช่วงบ่าย
ฉะนั้น เวลาซักสองสามทุ่มนี่คนจีนกำลังมาเดินเล่นกันเลยแหล่ะ คึกคักมาก
และเค้าก็จัด lighting ได้สวยมากๆ  กลายเป็นเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ยามค่ำคืน
แต่ไม่ควรเดินไปตามซอยที่คนน้อยๆนะ แอบน่ากลัวนิดนึง

วันนี้หมดแรงละ  เป็นวันที่คุ้มค่าจริงๆ  ประทับใจเมืองเก่าลี่เจียงสุดๆ
นอนเอาแรง เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปลุย เมืองเก่าซู่เหอ , ภูเขาหิมะมังกรหยก กันต่อ

ทริป คุณหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า-1


ตอน 1 จากกรุงเทพ ถึง คุณหมิง
ทริป คุณหมิง ลี่เจียง แชงกรีล่า
Plan Trip :  BKK -> Kunmin (Airplane) -> Lijiang (Train) ->Shangri-la(Bus)
Lijiang -> Kunming ->BKK
ทริปนี้ไปมาเมื่อหลังปีใหม่ 2560     5-12 ม.ค. 2560 (กว่าจะมาบันทึกได้ ก็เกือบปีพอดี อิอิ)
ตั๋วเครื่องบิน Airasia กรุงเทพ-คุณหมิง ออกเดินทางจากดอนเมือง 9 โมงเช้า ถึงคุณหมิง 12.30 น.
เวลาที่จีนเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง

เมื่อถึงสนามบินคุณหมิงเราเดินออกมาเพื่อนั่ง shuttle bus ไปสถานีรถไฟ
รถบัสจอดอยู่ ทางออก  3 ขึ้น Bus No.2  เพื่อไปสถานีรถไฟ ค่าตั๋วคนละ 25 หยวน

* ในสนามบินคุณหมิง
01

ใช้เวลานั่งรถบัสประมาณเกือบชั่วโมง รถบัสก็มาจอดหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง (ปลายทาง) ซึ่งขากลับเราก็ต้อง
มาขึ้นรถบัสกลับสนามบินที่ตรงนี้เหมือนกัน (มีห้องขายตั๋ว)
* หน้าตารถบัส สาย 2  เมื่อลงรถบัส เดินตรงไปด้านหน้า (ตามคนไป ประมาณ 600 ม.) จะมองเห็นสถานีรถไฟ ระหว่างทางมีร้านอาหารคล้ายๆร้านข้าวแกง  เดี๋ยวเราจะเข้าไปเอาตั๋วรถไฟที่จองไว้ก่อน
แล้วค่อยออกมากินข้าวเที่ยง

04หน้าตาสถานีรถไฟคุณหมิง ด้านหน้าจะมีห้องเล็กๆคล้ายๆ information center เดินเข้าไป
และเอาใบ pick up ticket ที่ print มา ยื่นให้เค้า เค้าก็จะออกตั๋วรถไฟให้จ้า
รับตั๋วไว้ให้อุ่นใจก่อน รถไฟไปลี่เจียงออกประมาณ 4 ทุ่ม ทีนี้ก็ออกไปหาอะไรกินด้านหน้า
(ตอนนี้แบกเป้สองใบ หนักมาก ยังไม่ได้ลองหาที่ฝากกระเป๋า)

05

มื้อแรกฝากท้องไว้ร้านแถวๆสถานีรถไฟ มีกับข้าวใส่ถาดไว้ ดูเหมือนร้านข้าวแกง ยังไม่รู้ราคาเท่าไร
คิดว่าคงไม่แพงมั้ง ก็เดินไปหาคนขาย พี่แกก็พูดจีนใส่รัวๆ เราก็งงๆ ชี้กับข้าวสองอย่าง ตักกับข้าวรวม แต่ตักข้าวแยก 555 งงมะ เป็นบ้านเราก็ราดข้าวไปเลย พี่บั๊มสั่งผัดเต้าหู้ กับ ผัดถั่วงอก เราสั่งผัดผัก กับผัดพริกเบคอน (อันนี้อร่อย) พี่บั๊มมาจีนนี่สบายเลยนะ เต้าหู้กะผักเยอะมาก (ไม่กินเนื้อสัตว์)
ทั้งหมดนี้ราคา 36 หยวน
06
001002

กินเสร็จอิ่มหนำ ก็ได้เวลาเดินเล่นแถวๆสถานีรถไฟ รอเวลารถไฟออกตอนกลางคืน เวลาเหลือเยอะมากๆ
เอาไง เดินไปเรื่อยๆ ยึดสถานีเป็นจุดศูนย์กลาง เดินไปซักกิโล ก็เดินกลับ แล้วก็เปลี่ยนไปทางอื่น
เรามาดูรูปบรรยากาศเมืองคุณหมิง เที่ยวกรุบกริบเท่าที่พอมีเวลา

เค้าปอกสับปะรดให้เก๋มาก รู้สึกว่าจะมีเหล็กจิ้มๆ เอาตาออก ดูน่ากินอะ
ช่วงนี้มีดอกสีชมพูออก น่าจะดอกเหมย สวย สดชื่นๆ

บ้านเมืองในคุณหมิง ที่พักอาศัยเท่าที่เห็นก็เป็นเหมือนอพาร์ทเม้นท์นะ ไม่ค่อยกว้าง มีตลาดเล็กๆ
แทรกตัวอยู่ ขายผัก ผลไม้

เดินผ่านมีงานลดราคาขายเสื้อกันหนาว มีพวกขนมหวาน ลูกอม สีสันสดใส (แต่ไม่กล้ากินนะ ฮาา)
เนื่องจากเป็นหน้าหนาว ก็จะเห็นรถเข็นขายพวกมันปิ้ง ข้าวโพดปิ้ง กินแก้หนาว
** ตอนนี้เริ่มเดินไม่ไหวเพราะแบกของหนัก เลยตัดสินใจกลับไปสถานีรถไฟ หาที่ฝากกระเป๋า
ค่าฝากกระเป๋า คิด 20 หยวน (ฝากเป้ใหญ่  2 ใบ ไม่จำกัดเวลา)

อาหาร street food ส่วนมากก็แนวของทอด บะหมี่ และมีร้านขายผลไม้เยอะมาก
เดินๆไปเดี๋ยวเจอ  ผลไม้น่ากินดี ซื้อสตรอเบอรี่มาชิมนิดหน่อย หวานอร่อยดี

 

เดินเล่นบ้าง นั่งพักบ้าง ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านไปเร็วเหมือนกัน จนมาถึงมื้อเย็น
จริงๆระหว่างเดินก็เล็งๆแนวหม้อไฟไว้หลายร้าน  ดูเหมือนร้านก็เพิ่งจะเปิดตอนเย็นนี่แหล่ะ
เห็นร้านนี้ดูน่ากินและมีคนนั่งกินอยู่โต๊ะสองโต๊ะก็เลยเข้าไปสั่ง
แต่ๆๆๆ สั่งน้ำซุปผิด อ้อ ไม่เรียกว่าผิด เรียกว่าสั่งไม่เป็น ฮ่าๆ ได้น้ำซุป เผ็ดๆ มันๆ
(น้ำมันเยอะมาก)แอบเลี่ยนอะ  ไม่รู้สั่งยังไง แต่รู้ว่าของโต๊ะข้างๆน่ากินโคตร ซุปใสด้วย
ร้านหม้อไฟแบบยูนนานที่นี่ วิธีกินก็คือ เค้าจะมีพวกผัก เนื้อสัตว์เสียบไม้ เราก็เดินไปหยิบ
แล้วพอเวลาคิดเงิน พนักงานก็จะมานับไม้แล้วคิด  มื้อนี้ราคา 72 หยวน

กินเสร็จก็เดินกลับไปสถานีรถไฟ ดันมาเจอย่าน street food เป็นเต๊นท์ โอ๊ย เสียดายมาก
แต่ละร้านดูน่ากินมาก กลางคืนแถวนี้คงคึกคักน่าดูเลย  คราวหน้าต้องมากิน

021

กลับเข้ามาที่สถานีรถไฟ เข้าห้องน้ำ รับกระเป๋าที่ฝากไว้
เดินผ่านจุดตรวจตั๋ว ใช้ passport กับตั๋วที่เค้าออกมาให้ เข้าไปรอหน้า gate
สถานีรถไฟที่นี่ดีจัง  เป็นห้องแอร์เหมือนสนามบิน มีที่นั่งรอมีร้านค้าขายของ มีห้องน้ำ
มีน้ำร้อนให้กด กินมาม่าได้สบายเลย

และแล้ว… ความช็อคก็มาเยือน เมื่อเดินไปที่ตู้นอน คุณพระ!! มันเป็นเตียงสามชั้น
ยื่นตั๋วให้คนในตู้ช่วยดู เราอยู่ชั้นบนสุด ซึ่งเพดานต่ำมาก นั่งตรงๆยังไม่ได้เลย ชีวิตนี้ไม่ตกต่ำแน่
ดีนะ ที่ดึกแล้วก็นอนเลย แล้วพอเช้ามืดก็ถึงละ อดทนหน่อย อย่าปวดฉี่เชียวล่ะ จะได้ไม่ต้องปีนลง
เฮ้อ รสชาติการเดินทางที่แท้จริง
16

———————- การจองตั๋วรถไฟในจีน ———————–
* ควรจองล่วงหน้าประมาณ 30-45 วัน  เพราะคนจีนเดินทางกันเยอะ วันเวลาที่เราต้องการอาจเต็มได้ค่ะ
จองในเว็บ https://www.travelchinaguide.com/china-trains/
ขั้นตอน
1. เลือกวันที่ ที่จะเดินทาง
2. ถ้าจองทั้งไปกลับ ให้เลือกขาไป ทริป 1 ขากลับ ทริป 2
(ยกตัวอย่าง  Trip 1  from Kunming to Lijang  : Trip 2  from Lijiang to Kunming )
SS_000848

เมื่อใส่วันที่ และกด search แล้ว จะมาอีกหน้า เพื่อให้เลือกเที่ยวรถไฟ และประเภทที่นอน
เช่นตัวอย่าง เราบินถึงคุณหมิงตอนเช้า   และต้องการนอนบนรถไฟ ก็เลยเลือกเวลาออก 21.28 น.
แบบ Hard Sleeper (ที่นอนชั้นเดียว)  กดปุ่ม select (ทำทั้ง ทริป 1 และ ทริป 2)

SS_000849

พอกด select ด้านบนแล้ว จะขึ้น Trip 2 ให้เลือก เวลาออกและประเภทที่นอน จากนั้นกด Booking
หน้าก็จะเปลี่ยนมาตามด้านล่างนี้ เป็นการสรุปข้อมูล และเลือกจำนวนตั๋วว่าไปกี่คน (Adults)

SS_000850

ใส่ข้อมูลผู้เดินทาง  นามสกุล ชื่อ  เลขพาสปอร์ต  (จะมีการให้อัพโหลดไฟล์หน้า passport ทีหลัง)
และเลือกวิธีการรับตั๋ว  เราเลือก ไปรับด้วยตนเอง (เมื่อเสร็จการจอง จะมีการออกตั๋วและใบ pick up ticket)

SS_000851

The Rust Factory ร้านเฟอร์นิเจอร์มือสองเท่ๆ


หนึ่งในร้านเฟอร์นิเจอร์มือสองเท่ๆที่ราคาจับต้องได้  (บางชิ้นเรียกว่าถูกมาก) ก็คือร้าน
The Rust Factory ร้านอยู่ริมถนนลาดพร้าว   ปากซอย ลาดพร้าว 65
(ใกล้ๆไปรษณีย์ลาดพร้าว)  มีเฟอร์นิเจอร์มือสองและของตกแต่งบ้านสวยๆ เท่ๆ มากมาย
แนวไม้ๆ เหล็กๆ  ใครที่กำลังหาเฟอร์ฯแนวนี้ต้องมาดูเลยแหล่ะของสวยๆทั้งนั้นเลย

เอารูปมาฝากเล็กน้อย

ลองเข้าไปดูใน FB : The Rust Factory  หรือ IG : The_Rust_Factory ได้จ้า

rust0rust1rust2rust3rust4

เรื่องกวนใจ…


คนเรามักมีเรื่องกวนใจ เรื่องที่คิดเท่าไรก็ไม่ตก แก้เท่าไรก็ไม่หาย รบกวนจิตใจอยู่เสมอๆ
เราก็มีเหมือนกัน  มันน่าเบื่อ น่ารำคาญที่ต้องมาคิดซ้ำไปซ้ำมา เพราะจริงๆแล้ว สิ่งที่กวนใจนั้น
มันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว คงจะไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรได้

คนเราก็มีทางออกสองทาง

คือ ยอมรับ

และ ออกไปจากสิ่งนั้นซะ…

ถ้าทำข้อหนึ่งไม่ได้ให้มาทำข้อสอง ถ้าข้อสองไม่ได้ ให้ย้อนไปข้อแรก ฮ่าาา
สรุป ถ้ามันเป็นสิ่งที่อยู่กับชีวิตเรา ติดตัวเรามา เราก็คงออกไปจากตรงนั้นไม่ได้
หรือใจจริงๆเราไม่ได้ต้องการออกไป  สุดท้ายมันก็ต้องวนมาจบที่ “การยอมรับ”
ปล่อยวาง และ เข้าใจ ว่าคงไม่มีใครทำตามใจเราไปซะหมด
ย้อนกลับมามองตัวเองให้มากๆ ถ้าเราอยู่จุดนั้น เราจะเป็นยังไง ใจเขาใจเรา
อย่าคิดถึงแต่ความต้องการตัวเองฝ่ายเดียว

… เขียนไว้เตือนตัวเอง ….  ปูนนี้แล้วก็ยังเวิ่นเว้อเนอะ

เชียงใหม่ ไปหน้าร้อนก็ได้


เชียงใหม่ จังหวัดที่ไปกี่ครั้ง ก็แทบจะไม่เหมือนเดิมซักครั้ง มีสถานที่ใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่ตลอด
แต่มาที ก็จะมาพร้อมกับการที่ต้องมาทำงาน กลายเป็นกึ่งทำงานกึ่งเที่ยว ซึ่งก็ดีนะ
เหมือนเที่ยวแล้วไม่เสียเงิน อิอิ

————— วันแรก ของทริป ——————
ทริปนี้ขับรถตู้ volk caravelle มาจากบ้านที่อุทัยธานี แต่เจอทำถนนเรื่อยๆตลอดทาง
ทำให้ถึงช้า  บ่ายโมงกว่าแล้วมาถึง เถิน ลำปาง ยังไม่ได้กินข้าว ก็เลยลองแวะข้างทาง
เห็นป้ายร้านส้มตำ ไก่ย่างร้านนึง ติดป้ายไว้เยอะ ดูท่าทางคงโอเค พอจอดรถและเดินเข้าไป
ก็แบบตื่นเต้นกับเรือนพื้นถิ่น ของ “เถินปาร์ค” ด้านหน้ามีร้านกาแฟ ถัดเข้าไปมีร้านส้มตำ
แม้จะไม่ได้ติดแอร์ แต่ก็สบายๆ ไม่ร้อน แถมส้มตำไก่ย่างก็อร่อยด้วย โอกาสหน้าจะแวะอีก

ส่วนขายส้มตำa4
นี่ไง หน้าตา ไก่ย่าง ส้มตำ  ไก่อร่อยดี ย่างแห้งๆ ตำไทย ตำแตง ก็อร่อยใช้ได้เลยแหล่ะa5

อิ่มแล้วก็ออกเดินทางต่อมาเชียงใหม่  ถึงก็เกือบเย็นๆละ  เช็คอินที่พัก โรงแรมอาร์ทเทล Artel นิมมาน ซ.13
มานอนเป็นครั้งที่สองแล้วเพราะสบายดี ราคาไม่แพงเท่าไร อยู่ในย่านนิมมาน ที่เที่ยวเล่นสะดวกดี
เป็นโรงแรมที่ใช้ศิลปะ มาประยุกต์ตกแต่งล้วนๆ ชอบมากๆ ไม่รู้คุณเหิน (เจ้าของ) คิดได้ไง เก่งมาก ชอบๆ
a6a7

นี่คือสิ่งที่เราชอบมากเลย คือสามารถนำกระเบื้องไทยบ้านๆ มาออกแบบทำประตู  เอาแจกันบ้านๆ มาจัดวางได้อย่างน่ารัก

b6

b5

เจอแมวเจ้าถิ่น นอนอยู่ในรีเซฟชั่น นางหลับตลอด หน้าโหดแต่แอบอ้อน

b3

เช็คอินเสร็จแล้วพักผ่อนนิดหน่อย  ออกไปเช่ามอเตอร์ไซค์เผื่อขี่รถเที่ยวเล่น เพราะขี้เกียจเอารถตู้ออก
หาที่จอดยากนั่นเอง  ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ อยู่ตรงข้ามโรงแรม Artel เลย สะดวกดี วันละ 250 (แล้วแต่รถ)
ได้เวลาอาหารเย็น เดี๋ยวนี้เน้นกินผัก ก็เลยไปกินที่ Salad Concept
ขอบอกว่า แต่ละจานให้ผักเยอะมาก  (เราว่าเยอะเกิ๊น) กินไม่หมด  รสชาติก็อร่อยใช้ได้
มีสลัดธรรมดากับเมนูของที่ Add On เพิ่มเข้าไปกับสลัด และเลือกน้ำสลัดได้

a12a13

อิ่มแล้วก็ไปต่อที่ร้านเล่า  ร้านขายหนังสือ ที่นอกจากจะมีหนังสือแล้วยังมีของจุ๊กจิ๊กๆ อีกมากมาย
แค่เห็นก็กรี๊ดละ  แฟนเราได้หนังสือ ส่วนเราได้สติ๊กเกอร์ ฮ่าๆ

a15a19a20

ไปเดินเล่นต่อที่กาดรินคำ ห้างๆข้างเมย่า เงียบๆอะ ไม่ค่อยมีอะไร

a21

ไฮไลท์ของคืนวันอังคารนี้คือที่นี่เลย ร้าน North Gate เป็น Jam Night มีนักดนตรี มาเล่นเพลงแจ๊ซ
ฝรั่งมาดูเยอะมาก ชิวสุดๆ

a23

a22

ปิดท้ายก่อนนอนด้วยนี่เลย  อ๋องทิพย์รส

a24

————— วันที่ สอง ของทริป ——————
วันนี้แฟนต้องทำงานด้วยครึ่งวันเช้า คือออกไปดู site เพื่อออกแบบบ้านให้ลูกค้า
หลังจากกิน “ก๋วยจั๊บข้างอนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์” แล้ว ก็ต้องต่อด้วยกาแฟ
จะเริ่มวันได้ ก็ต้องกาแฟสิ รออะไร 🙂 ตอนแรกขี่มอเตอร์ไซค์ไป Graph Cafe แต่ยังไม่เปิด
ก็เลยมาจบที่ร้าน รสนิยม ใกล้ๆที่พักก่อนกลับไป check out  กาแฟเข้ม อร่อยดี ร้านก็สวย

b1b2

ทำงานเสร็จแล้ว ร้อนได้ใจ  มื้อเที่ยงกินข้าวที่ “สันทราย โภชนา”  อร่อยดี
(รสชาติเหมือนร้านอาหารที่อุทัยฯนะ)

ได้เวลาเที่ยวต่อของเรา อิอิ เราไปหาเพื่อนที่ร้าน Tiny Space หน้ามหาวิทยาลัยพายัพ ระหว่างรอเพื่อน
ก็ต้องจัดกาแฟอีกแล้วที่ร้าน Brewing Room ข้างๆกับร้านเพื่อน บาริสต้าเป็นหนุ่มตี๋
แต่เราชอบกาแฟเมื่อเช้ามากกว่า

b9
แถ่น แท๊นนนน ร้านสุดกรี๊ดของเพื่อนเรา “Tiny Space” เป็นร้านแนว Zakka ขายข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
แต่หลักๆก็เห็นจะเป็นถ้วยชามพวกนี้อะนะ กรี๊ดเวอร์
เม้าท์มอย มอบของฝากกับเพื่อนพอประมาณ ก็ไปต่อ เพราะคืนนี้จะไปพักที่ อ.แม่ริม
ต้องไปถึงก่อนพระอาทิตย์ตก เพื่อไปดูวิว อิอิ
b10b13b16b18

ยังไปไม่ถึงไหน ก็มาแวะที่ Penguin Villa ย่านศิลปิน ที่มีร้านค้าแสงผลงานศิลปะ และมีร้านกาแฟด้วย
แต่รู้สึกว่าจะแอบโทรมไปนิดนึง และเงียบเหงาพอสมควร ได้แต่ถ่ายรูปและเดินกลับออกมา
ขออภัยที่ไม่ได้อุดหนุนเพราะไม่เจอใคร ไม่รู้จะจ่ายตังค์กะใครอะนะ

b19b20b21b23

ระหว่างทางไปแม่ริม เราก็แวะกินข้าวเย็น ที่ร้าน แกงร้อนบ้านสวน ร้านอาหารยุคก่อน อารมณ์สวนอาหาร
แต่อาหารอร่อยดีนะ  ดูสิ เค้ามีโต๊ะให้นั่งเยอะมาก แสดงว่าต้องขายดีแน่  นี่เป็นครั้งแรกที่ลองกินร้านนี้
รู้สึกดีที่ได้ลองร้านใหม่ๆ และเจอของอร่อย อิอิ

b26b27b28

 

ที่พักของเราคืนนี้คือ Good Old Days เชียงใหม่  location ก็เปิดจาก google maps และขับตามไปได้
อ้อ ต้องใช้สัญชาติญาณของมนุษย์ด้วย คือดูว่ามันให้ไปสะพานแคบๆ ก็ไม่ควรไปอ่ะนะ ฮ่าๆ
ขับลัดเลาะริมทุ่งนา ผ่านหมู่บ้าน ถนนเล็กๆ รถสวนกันไม่ได้ แต่หลบกันได้ด้วยน้ำใจที่มีให้กัน
ก็มาถึงแล้ว… สุดยอดมั๊ยล่ะ บรรยากาศ

Good Old Days เชียงใหม่ อ.แม่ริม ที่พักโฮมสเตย์ ที่เหมือนไปพักบ้านญาติ บ้านเพื่อน เพราะไปอยู่กับเจ้าของบ้านคือ พี่ซา และพี่ต้อม พี่ๆทั้งสองน่ารัก ใจดีมากๆ แต่ยิ่งใจดีเท่าไร พวกเราที่จะไปก็ยิ่งต้องเกรงใจพี่เค้าเท่านั้น อิอิ (อันนี้คิดเอง) บ้าน Good Old Days สร้างขึ้นด้วยความรัก ความใส่ใจ และอยากแบ่งปันบรรยากาศดีๆ ที่โอบล้อมไปด้วยทุ่งนาภายนอก และของเก่าของสะสมภายในบ้าน ที่พักราคา 990-1100 บ. ไม่มีแอร์ แต่ก็ไม่ต้องใช้แอร์เลยเพราะกลางคืนอากาศเย็น (บางทีก็ไม่ต้องเปิดพัดลมด้วยซ้ำ) มีอาหารเช้า ที่พี่ซาตั้งใจทำ ซึ่งอร่อยมากๆ แถมได้เคล็ดวิชาทำอาหารกลับมาด้วย แม้ว่าเราจะพักแค่ 1 คืน แต่ความประทับใจไม่รู้จบ กลับมาก็คิดถึงแล้ว และต้องกลับไปอีกแน่นอน ^_^ ติดตามและจองห้องพักได้ที่เพจ Good Old day Chiang Mai จ้ะ
การเดินทางไม่ง่ายแต่ไม่ยาก search google maps Good Old days เชียงใหม่ ดูภาพที่เป็นรูปบ้าน
กดนำทาง จะพาลัดเลาะถนนหมู่บ้าน เข้าไปจนเจอบ้านเลย

b43

b29b33b38b41b45b50c2c7c11

มื้อเช้าแบบโฮมเมด (มีไก่ย่างนอกเฟรมด้วย)

c13

——————- วันที่  สาม ของทริป —————–
ออกจาก Good Old Days ด้วยความอิดออดอยากอยู่ต่อ ฮ่าๆ แต่ชีวิตก็ต้องไปต่ออะนะ
แวะไปเยี่ยมเพื่อนแฟน และชวนกันออกมากินขนมที่ร้าน ขจี ( khagee ) ซึ่งเป็นร้านที่
ลงตัวไปซะทุกอย่าง ทั้งการตกแต่งที่น่ารักพอดี ฟีลญี่ปุ่นๆ (คนทำขนมเป็นคนญี่ปุ่น)
ขนมอร่อย กาแฟไม่ค่อยฟินเท่าไร (สำหรับเรา)

c15c16

 

ออกจากเชียงใหม่ ก็ลงมาลำปาง เพราะคืนนี้เรานอนลำปาง ที่พักชื่อ ริเวอร์ไซด์ลำปาง
มาถึงก็เช็คอินก่อน ที่นี่เป็นบ้านไม่เก่า ริมแม่น้ำปิง เจ้าของเป็นฝรั่ง แต่มีคนไทยด้วยd1d2d3

มื้อเย็นออกไปกินที่ร้าน “ข้าวต้มบาทเดียว” อร่อย และ ถูกมากๆ
d6d7d8d9

แวะซื้อน้ำผลไม้แยกกากร้าน Salad Boy  วันหลังจะมาลองสลัด ร้านน่ารักดี
d10

 

————- วันสุดท้ายของทริป ————-
ก่อนกลับอุทัย  ออกมาจากลำปางนิดนึงก็แวะที่ศูนย์เซรามิก  มีหลายร้านให้เลือก
แต่เราชอบร้านนี้สุดคือ maggi studio

d11d12d13d14d15d16d17

ขากลับวันนี้ลองใช้ถนนสายเก่า เพราะสายเอเชียทำถนน และแฟนอยากขับรถดูวิวด้วย
มากินมื้อเที่ยงที่ อ.เด่นชัย  ร้านสวนไซทอง  อร่อยดีๆ

d18d19d20d21

จบทริป เชียงใหม่ – ลำปาง อีกครั้ง  และต้องมีครั้งต่อๆไปแน่นอนเพราะแฟนต้องมาทำงานอีกบ่อยๆ
มาทีไรก็สนุกทุกที แล้วพบกันใหม่ เชียงใหม่จ๋า